เราควรซื้อหุ้นแต่ละตัวเท่าไหร่ และมีหุ้นในพอร์ตกี่ตัว ตามสูตร Mark Minervini
เราควรซื้อหุ้นแต่ละตัวเท่าไหร่ และมีหุ้นในพอร์ตกี่ตัว ตามสูตร Mark Minervini
เราจะซื้อหุ้นแต่ละตัวเท่าไหร่ ก็คือ การกำหนดขนาดการเทรด (Position Sizing) เมื่อถามว่าเราจะซื้อหุ้นแต่ละตัวเท่าไหร่ (กี่บาท) ก็จะโยงไปถึงคำถามที่ว่า เราควรมีหุ้นในพอร์ตกี่ตัว โดย Mark Minervini ได้ตั้งกฎไว้ดังนี้
- ตั้งจุดตัดขาดทุน (stop loss) ของแต่ละตัว ไม่เกิน 10%
- 10% ที่ว่านั้น ต้องไม่กระทบกับพอร์ตรวมในกรอบ 1.25% - 2.50% (เช่น ถ้าพอร์ตรวม 100,000 และซื้อหุ้นตัวหนึ่ง 25,000 ตั้งจุดตัดขาดทุนที่ -10% ก็เท่ากับ 2,500 นั่นเท่ากับ -2.5% ของพอร์ตพอดี)
- สามารถปรับสูตรเองได้ เช่น พอร์ต 100,000 แต่ซื้อตัวนึง 33,500 (เพิ่มขนาดจากตัวอย่างบน) ก็ต้องปรับจุด stop loss ลงมาเหลือ -7.5% เพื่อให้ความเสียหายสูงสุดจำกัดอยู่ที่ 2,500 หรือเท่ากับ 2.5% ของพอร์ต
- อย่าถือหุ้นตัวเดียวมากกว่า 50% ของพอร์ต
- ลงเงินกับหุ้นตัวที่ดีที่สุด 20-25% ของพอร์ต
- ถือหุ้นประมาณ 4-8 ตัว ไม่ควรเกิน 10-12 ตัว อาจเพิ่มมากขึ้นสำหรับคนที่พอร์ตใหญ่มาก ๆ (Mark ใช้ตัวเลข 16-20 ตัว สำหรับมืออาชีพที่พอร์ตใหญ่มาก
- ขาดทุนเฉลี่ยไม่ควรเกิน 5-6% ต่อครั้ง
หลัก ๆ ก็ประมาณนี้ นำมาจากหนังสือ Think & Trade Like a Champion มาเรียบเรียงให้เข้าใจง่าย ไว้เตือนตัวเองด้วย ส่วนตัวไม่ได้ใช้สูตรของ Mark ทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องจำนวนหุ้น เพราะคิดว่าถ้าเยอะเกินจะดูแลไม่ทัน ถ้าตลาดผันผวนหนัก และจุดคัท ก็ไม่ได้สูงถึง 7.5-10% เพราะคิดว่ามันเยอะจนเกินไป แต่แนวคิดที่ว่า จุดคัท ต้องไม่กระทบพอร์ตรวม 1.25% - 2.50% นี่เข้าท่ามาก ๆ ควรนำไปปรับใช้กับการบริหารพอร์ต